กรมสรรพากรจับมือกับสำนักงาน คปภ. เชื่อมโยงข้อมูลการลดหย่อนภาษีเพื่ออำนวยความสะดวก ให้ผู้ทำประกันสุขภาพ
วันนี้ (4 ตุลาคม 2561) ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เป็นประธาน การประชุมร่วมกับ ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อประชาสัมพันธ์มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการประกันสุขภาพของผู้มีเงินได้ ณ ห้องพระอุเทน 1 ชั้น 2 อาคารกรมสรรพากร
ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า “กรมสรรพากรมีนโยบายจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในกระบวนการทำงานในทุกกระบวนการ (Digital Transformation) อันจะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารการจัดเก็บภาษี พร้อมไปกับ “การสร้างบริการที่ดีของกรมสรรพากรให้แก่ผู้เสียภาษี”ในการเชื่อมโยงข้อมูลการลดหย่อนภาษีจากหน่วยงานภายนอก เช่น ข้อมูลเงินปันผล ข้อมูลเงินบริจาค ข้อมูลเบี้ยประกันสุขภาพ เป็นต้น เพื่อลดภาระของผู้เสียภาษีในการจัดเก็บเอกสารหลักฐานการลดหย่อนภาษีและเป็นการยกระดับความร่วมมือของหน่วยงานภายนอกและการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐ และในระยะเปลี่ยนผ่าน กรมสรรพากรอำนวยความสะดวกให้กับผู้เสียภาษีที่ยื่นแบบฯ ทางอินเทอร์เน็ตและมีภาษีที่ขอคืน สามารถ upload เอกสารหลักฐานอื่นๆ ที่ใช้ในการลดหย่อนภาษีให้กับกรมสรรพากรเพื่อพิจารณาตรวจคืนภาษีเพื่อลดความยุ่งยากในการจัดเก็บเอกสารไว้รอการเรียกตรวจสอบในภายหลัง
ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการประชุมครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สมาคมประกันชีวิต สมาคมประกันวินาศภัย บริษัทประกันชีวิต และบริษัทประกันวินาศภัยเป็นอย่างดีในการผลักดันมาตรการทางภาษีเพื่อส่งเสริมการประกันสุขภาพ นอกจากนี้ ในปี ๒๕๖๒ – ๒๕๖๓ กรมสรรพากร จะเชื่อมโยงข้อมูลกับ คปภ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อมูลเบี้ยประกันชีวิต เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดาและเบี้ยประกันแบบบำนาญ เพื่อให้ผู้เสียภาษีได้รับความสะดวกและได้รับเงินคืนภาษีเร็วขึ้น
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย กล่าวว่า “สำนักงาน คปภ. ในฐานะเป็นหน่วยกำกับดูแลและส่งเสริมพัฒนาธุรกิจประกันภัยให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส น่าเชื่อถือ และคุ้มครองประชาชนให้ได้รับสิทธิประโยชน์ครบถ้วนและเป็นธรรมจาก การประกันภัย ได้ดำเนินงานที่สำคัญตามนโยบายของรัฐบาล นโยบายที่กาหนดโดยคณะกรรมการ คปภ. ภายใต้แผนพัฒนาการประกันภัย ฉบับที่ 3 (พ.ศ.2559-2563) โดยได้มีนโยบายมุ่งเน้นส่งเสริมและสนับสนุนให้การประกันภัยเข้าไปบริหารความเสี่ยงและเป็นหลักประกันความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน อย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นการแบ่งเบาภาระของภาครัฐด้านสวัสดิสงเคราะห์ สร้างความมั่นคงทางสังคม ตลอดจนส่งเสริมระบบเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
ดังนั้น สำนักงาน คปภ. มีความมุ่งมั่นต่อการส่งเสริมการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัย ให้มีความหลากหลาย สอดคล้องกับสภาพความเสี่ยงและตอบสนองความต้องการของประชาชนผู้เอาประกันภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อต้องการให้ประชาชนมีการวางแผนการออมที่ดี รองรับความเสี่ยงทางด้านการเงินไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงจากภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ หรือรายจ่ายเมื่อยามสูงอายุ โดยได้ผลักดันมาตรการทางภาษีเพื่อส่งเสริมและจูงใจให้เกิดการทำประกันภัยเพื่อรองรับความเสี่ยงดังกล่าว ได้แก่ การประกันชีวิต การประกันสุขภาพ การประกันชีวิตแบบบำนาญ และการประกันสุขภาพให้กับบิดามารดาของผู้มีเงินได้ รวมทั้งบิดามารดาของคู่สมรสให้สามารถ นำเบี้ยประกันภัยดังกล่าวใช้สิทธิลดหย่อนได้ตามจำนวนที่กาหนดไว้ เพื่อสนับสนุนการใช้สิทธิขอลดหย่อนภาษีเงินได้จึงได้มีคำสั่งนายทะเบียนให้แก้ไขเพิ่มเติมแบบและข้อความใบคำขอเอาประกันภัย โดยเพิ่มเติมคำถามเกี่ยวกับการขอเอาประกันภัยเพื่อใช้สิทธิขอลดหย่อนภาษีเงินได้ และการให้ความยินยอมในการส่งและเปิดเผยข้อมูลของผู้เอาประกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์สาหรับประชาชนที่ขอใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากเบี้ยประกันสุขภาพ โดยไม่ต้องใช้เอกสารหลักฐานการชำระเบี้ยประกันภัยประกอบการยื่นแบบขอใช้สิทธิลดหย่อนภาษี
สำหรับในอนาคตสำนักงาน คปภ. ภาคธุรกิจประกันภัยจะร่วมกับกรมสรรพากรในการนำนวัตกรรมใหม่ มาพัฒนาการเชื่อมโยงข้อมูลของบุคคลที่มีอยู่ในแต่ละหน่วยงาน เพื่อนำข้อมูลมาพัฒนาในการให้บริการประชาชนให้เกิดความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ลดขั้นตอน ลดความซ้ำซ้อนในการส่งข้อมูล และช่วยให้ การเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน มีความปลอดภัยและรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์สารนิเทศสรรพากร 1161 (RD Intelligence Center) และสายด่วน คปภ. 1186
กรมสรรพากร เต็มที่ เต็มใจ ให้ประชาชน
สำนักงานเลขานุการกรม ส่วนประชาสัมพันธ์
เลขที่ 90 ถนนพหลโยธิน 7 พญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 0 2272 9529-30 โทรสาร 0 2617 3324
หรือศูนย์สารนิเทศสรรพากร 1161 (RD Intelligence Center)